|
|
ผู้เผด็จการ หรือ Dictator นั้นมาจากคำละติน Dictare ซึ่งเป็นตำแหน่ง "ผู้บังคับเด็ดขาด" ในสมัยโรมัน โดยจะเป็นผู้มีอำนาจล้นฟ้าและใช้อำนาจสูงสุดเด็ดขาดแต่เพียงผู้เดียว กล่าวกันว่า ผู้ดำรงตำแหน่งนี้จะใช้อำนาจอธิปไตยอย่างเด็ดขาด ล้นพ้น และเฉียบขาด ผู้เผด็จการบางคนได้รับการให้ฉายาว่า "เลือดกับเหล็ก" ทั้งนี้ เพราะบุคคลนั้นๆ มีพฤติกรรมกระหายเลือดและแกร่งกร้าวเหี้ยมเกรียม เช่น บิสมาร์ค ผู้ปกครองเยอรมนีสมัยหนึ่ง เป็นต้น เมื่อกล่าวถึงคำว่าเผด็จการ คนทั่วไปก็จะนึกถึงภาพของความชั่วร้าย น่าเกลียด น่ากลัวและความทารุณโหดร้าย ราษฎรของประเทศที่เคยผ่านยุคเผด็จการปกครองแล้ว ไม่อยากเห็นผู้นำของบ้านเมืองปกครองเขาด้วยวิธีเผด็จการ เห็นได้ชัดจากคนชาวยุโรป ไม่ว่าจะเป็นชาวอิตาลี สเปน เยอรมัน โปแลนด์ ฯลฯ พวกเขาไม่ต้องการให้อำนาจการปกครองบ้านเมืองตกอยู่ในมือของคนๆ เดียว หรือกลุ่มคนคณะเดียว เขาเหล่านั้นหวาดเกรงว่า ถ้าปล่อยให้คนๆ เดียว หรือคณะเดียวมีอำนาจปกครองแล้ว ก็มักจะใช้อำนาจนั้นอย่างเหิมเกริม กดขี่ และทารุณโหดร้าย โดยไม่คำนึงถึงมนุษยธรรมหรือกฎหมายแต่อย่างใดเลย ดังเช่น มุสโสลินีของอิตาลี, ฟรังโกของสเปน, ฮิตเลอร์ของเยอรมนี, ปินชุดสะกี้ของโปแลนด์ เป็นต้น นอกจากยุโรปแล้ว ก็มีผู้เผด็จการอีกมากมาย เช่น ก๊อตดาฟีของลิเบีย, ฟิเดลคัสโตรของคิวบา, มุสตาฟาเคมาลปาชา (อตาเติก) ของตุรกี มากอสของ ฟิลิปปินส์, ซูฮาโตของอินโดนีเซีย, เนวิน ของพม่า, พอลพตของเขมร, บางประเทศที่มีรูปแบบอ้างแอบอิงประชาธิปไตย แต่ผู้นำก็ถูกมองว่าไม่ใช่ (เช่น ผู้นำของสิงคโปร์) สำหรับประเทศไทยก็มีอดีต ผู้นำบางท่านถูกกล่าวหาว่าเป็นนักเผด็จการ ผู้นำหลายคนในอเมริกาใต้และ อาฟริกา ก็จัดอยู่ในจำพวก "นักเผด็จการ" ด้วย ซึ่งบางคนก็โหดร้ายไม่แพ้นักเผด็จการในยุโรป ไม่ว่าจะเป็นฮิตเลอร์, ฟรังโก, และมุสโสลินี ต่างได้รับสมญานามว่า "มือเพชฌฆาต" หรือฆาตกรเลือดเย็นผู้มีอำนาจปกครองบ้านเมืองอยู่ในกำมือ แต่บางคนยิ่งมีพฤติกรรมวิปริตผิดวิสัยมนุษย์ เช่น อิดีอามิน แห่งอาฟริกา ที่ฆ่าศัตรูแล้วแล่เนื้อมากินสดๆ แทบไม่น่าเชื่อ ว่ากันว่านักเผด็จการ มักจะมีอาการผิดปกติทางจิตไม่มากก็น้อย ฮิตเลอร์ เกลียดยิวมากอาจเป็นเพราะว่า ย่าของเขาเคยเป็นคนใช้ในบ้านของเศรษฐีชาวยิว ถูกเจ้านายล่วงเกินจนตั้งท้อง เกิดลูกมาเป็นพ่อของฮิตเลอร์ แต่เจ้านายไม่ยอมรับว่าเป็นลูก ฮิตเลอร์ทราบเรื่องนี้ดีและเคียดแค้นมาก จิตแพทย์วิเคราะห์ว่า ฮิตเลอร์ฝังใจ และมีปมในใจปฏิเสธว่าตนมิได้มีเลือดยิวปนอยู่ จิตใต้สำนึกสั่งฮิตเลอร์ฆ่ายิวให้หมดไปจากโลก เมื่อเขาได้อำนาจเบ็ดเสร็จปกครองประเทศแล้ว เขาได้สั่งให้ออกกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องเชื้อชาติที่ส่งเสริมเชื้อชาติอารยัน และต่อต้านชาวยิว ฮิตเลอร์เห็นว่า ชาวยิวเปรียบประดุจสัตว์สกปรกเหมือนหนูและแมลงสาป ที่นำเชื้อโรคร้ายมาสู่มนุษย์ เขาจิตเพี้ยนถึงขนาดจัดตั้งหน่วยงานพิเศษเพื่อหาข้อพิสูจน์ว่า พวกคนยิวมีเชื้อสายมาจากมนุษย์ลิงหรือ APE-MAN ส่วนคนเยอรมันเป็นเผ่าชนชาติอารยัน นอกจากการเข่นฆ่าชาวยิวด้วยวิธีแปลกๆ แล้ว ฮิตเลอร์ ยังจัดตั้ง หน่วยล่าพิฆาตยิว ซึ่งเป็นหน่วยปฏิบัติการพิเศษให้มีสิทธิสังหารชาวยิวทุกคนที่พบ โดยไม่ต้องจับมาควบคุมไว้ให้เสียเวลา และเสียเงินสร้างค่ายกักกัน เพราะได้สร้างไว้จำนวนมากแล้ว แต่ก็ยังมีจำนวนไม่พอ ฮิตเลอร์ได้สั่งให้หน่วยตำรวจลับค้นคว้าหาวิธีฆ่า ที่ทำได้อย่างรวดเร็วและประหยัดค่าใช้จ่าย จึงปรากฏวิธีการต่างๆ ในการฆ่าชาวยิวอย่างสยดสยอง เช่น ให้ต้อนชาวยิวเป็นกลุ่มๆ บังคับให้ถอดเสื้อผ้าและทรัพย์สินกองไว้ แล้วบังคับให้ขุดหลุมลึกเกือบสองเมตร หลังจากนั้น ทหารนาซีก็จะใช้ปืนกลยิงให้ตายเกลี้ยง ให้กลุ่มชาวยิวกลุ่มถัดไปโยนศพบางรายก็ยังไม่ตายลงหลุม และฝัง เสร็จแล้วชาวยิวกลุ่มต่อๆ ไป ก็ จะประสพชะตากรรมในลักษณะเดียวกัน คิดดู เมื่อมีการจับไก่ไปฆ่าและโยนลงหลุมฝังทั้งเป็น (เมื่อรัฐบาลทำการกำจัดไข้หวัดนก) ก็คงไม่ต่างกัน ที่ฮิตเลอร์ทำได้อย่างนั้น ก็คงรู้สึกว่า ชาวยิวไม่ใช่คนนั่นเอง อีกวิธีหนึ่งที่น่าสยดสยองมาก ก็คือ การต้อนคนเข้าห้องแก๊สพิษ กลุ่มละประมาณ 2,000 คน สามารถฆ่าให้ตายได้ภาย 15 นาที ซึ่งเป็นวิธีที่เร่งฆ่าให้รวดเร็วขึ้น โดยผู้จะถูกสังหารต้องถอดเสื้อผ้าและทรัพย์สินติดตัวก่อน แม้แต่ ฟันทอง (คนยิวชอบใส่ฟันทองเหมือนคนจีน) ก็จะต้องกระเทาะออกหรือถอนไปก่อน กล่าวกันว่า รัฐบาลนาซีรวบรวมทองจากฟันชาวยิวได้หลายตัน ยิวมากกว่าสิบล้านชีวิตได้สังเวยคนที่มีอาการทางจิตอย่างนักเผด็จการฮิตเลอร์ อาการทางจิตหรือโรคจิตได้ปรากฏชัดขึ้นเป็นลำดับ เขาเคร่งเครียดกับงานมาก เข้าทำนอง บ้างาน ทุกอย่างต้องรวดเร็ว ทุกคนต้องทำตามคำสั่งของเขาอย่างเคร่งครัด เขาเชื่อมั่นในตัวเองมาก และไม่เชื่อคนอื่นๆ ว่าจะมีความสามารถเท่าตน เขาจะเรียกผู้คนรอบข้างมาอบรมสั่งสอน ใครทำไม่ถูกใจหรือทำไม่ได้ตามสั่งเขาจะปลด, ไล่ออก หรือให้ย้ายไปทำหน้าที่อื่นที่เสี่ยงภัย และที่ถึงขั้นสั่งประหารชีวิตเลยก็เคยมี ดังตัวอย่างเช่น มีแพทย์ประจำตัวเขาหลายคนถูกสั่งปลด, ไล่ออก, สั่งย้ายไป หรือให้ไปทำหน้าที่ซึ่งไม่เกี่ยวกับการแพทย์ ได้มีหมอท่านหนึ่งที่ ฮิตเลอร์ชอบมาก เป็นแพทย์ประจำตัวที่ใกล้ชิดที่สุด และดูแลรักษาเขาเป็นเวลานานหลายปี แต่ในที่สุดฮิตเลอร์ก็ได้สั่งให้เอาหมอคนนั้นไปประหารชีวิต ด้วยความผิดฐานให้กินยาซ้ำซากและฉีดยาบำรุงมากเกินไป แต่ความจริงเป็นที่รู้กันว่า ฮิตเลอร์ชอบให้ฉีดยามากๆ เพราะเห็นผลเมื่อเขาทำงานหนักและเครียดมากๆ ฮิตเลอร์ชอบทำอะไรเพี้ยนๆ เสมอ และทำสิ่งต่างๆ ที่ไม่น่าทำ ไม่เหมาะกับ กาลเทศะ ไม่สมเหตุสมผล โดยไม่แคร์หรือใยดีว่าคนอื่นๆ จะมองเขาอย่างไร เขามักจะคิดว่าเขาเป็นคนถูกเสมอ และเชื่อว่าเขาฉลาดล้ำหน้าคนทั้งหลาย และถึงขนาดคิดว่า เขาถูกพระเจ้าส่งมาเกิดให้ฆ่าคนยิว เพราะยิวได้ฆ่าพระเยซู ในช่วงท้ายๆ ของชีวิตฮิตเลอร์ เขากลายเป็นคนพิการทั้งทางกายและทางจิต ซึ่งปรากฏอย่างชัดเจน เขามีหน้าตาซีดเซียว ตัวสั่น มือสั่น ขาสั่น หลังค่อม เมื่ออายุได้ 55 ปี สังขารของเขาเหมือนคนแก่กว่าอายุจริงสักสิบห้าปีหรือเท่ากับคนอายุสัก 70 ปี ความสามารถในการพูดที่มีสาระน้อยลง แม้ว่าจะยังชอบพูดจ้อเหมือนเดิม ชอบพูดยาวๆ ให้คนฟังเป็นชั่วโมงๆ โดยไม่คำนึงว่ามีคนสนใจเพียงใด แต่ความสามารถในการปลุกระดมให้รักเชื้อชาติและให้หลงรักชาตินั้นได้ลดลงไปอย่างมาก นอกจากนั้น อาการพิการทางจิตได้รุนแรงมากขึ้น คนรอบข้างมีความหวาดกลัว และทหารผู้อารักขาอย่างใกล้ชิดกลับหันมาพยายามลอบฆ่าเขา แต่ไม่สำเร็จ ต่อจากการพยายามลอบสังหารไม่นาน ก็มีคนลอบนำระเบิดไปไว้ใต้โต๊ะประชุมที่ฮิตเลอร์มีกำหนดการจะไปร่วมประชุมที่นั่น แต่บังเอิญได้มีการประชุมนอกห้อง เขาจึงรอดตาย ครั้งหลังก็มีการลอบปาระเบิดอีก คราวนี้รอดตายอย่างหวุดหวิด และหวาดเสียวที่สุด ทำให้ฮิตเลอร์ตกใจและหวาดกลัวมาก กล่าวกันว่าอาการทางจิตของฮิตเลอร์ได้เพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง มีอาการหวาดระแวงคนรอบข้างทั้งหมด เขาจะไม่ไว้ใจใครๆ เลย คนรอบๆ ข้างที่ถูกสงสัยได้ถูกฮิตเลอร์สั่งประหารไปจำนวนมาก แต่ฮิตเลอร์ต่างจากผู้เผด็จการคนอื่นๆ ตรงที่เขาไม่เล่นพรรคเล่นพวก ไม่เล่นกลุ่มเครือญาติเลย เขาจึงไม่มีใครที่เขาจะหันไปหาได้ในบั้นปลายของชีวิต ผู้สังเกตการและศึกษาวิเคราะห์เกี่ยวกับผู้นำที่เป็นนักเผด็จการได้ตั้งข้อสังเกตว่า เกือบร้อยทั้งร้อยของนักเผด็จการมักจะอุ้มชูวงศาคณาญาติ พี่น้อง พี่ภรรยา ลุงป้าน้าอา และคนที่เกี่ยวพันฉันท์เครือญาติโดยการแต่งงานให้ได้มีตำแหน่งในบ้านเมือง นอกจากนั้น ก็มักจะเล่นพรรคพวกเพื่อนฝูง เพื่อนนักเรียน เพื่อนที่เกี่ยวพันทางกิจการด้านใดด้านหนึ่ง นักธุรกิจผู้ร่วมผลประโยชน์ ก็มักจะได้รับการอุปถัมภ์ค้ำชู ให้ได้มีตำแหน่งหรือให้ได้รับช่องทางและโอกาสในผลประโยชน์ต่างๆ โดยทุจริตเป็นนัยๆ ด้วย จะเห็นได้จากพฤติกรรมของ มุสโสลินี, ฟรังโก, ซูฮาโต, มากอส, ตลอดจนผู้นำเผด็จการในประเทศต่างๆ ในอาเซีย อาฟริกา และอเมริกาใต้ต่างเป็นมนุษย์พันธุ์เดียวกันทั้งสิ้น ยกเว้นแต่ ฮิตเลอร์เท่านั้น จนมีการกล่าวว่า ถ้าจะพยายามค้นหาความดีของฮิตเลอร์สัก อย่างหนึ่ง ก็คงจะได้แก่ การที่เขาไม่เล่นพรรคเล่นพวกและญาติพี่น้อง นั่นเอง ถึงอย่างไรก็อย่าให้เหมือนฮิตเลอร์เลยเป็นดีที่สุด |
ส่งเมล์ถึง
editor@sentangonline.com
พร้อมด้วยข้อสงสัยหรือข้อคิดเห็นเกี่ยวกับเว็บไซท์นี้
|